คำอธิบายของน้ำมันเมล็ดฟักทอง
น้ำมันเมล็ดฟักทองสกัดจากเมล็ด Cucurbita Pepo โดยวิธีสกัดเย็น จัดอยู่ในวงศ์พืชตระกูล Cucurbitaceae กล่าวกันว่ามีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก และมีพืชชนิดนี้หลายชนิด ฟักทองมีชื่อเสียงไปทั่วโลกและเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลต่างๆ เช่น วันขอบคุณพระเจ้าและวันฮาโลวีน ใช้ในการทำพายและเครื่องดื่ม Pumpkin Spiced Latte ที่เป็นที่นิยม เมล็ดฟักทองยังรับประทานเป็นของว่างและใส่ในซีเรียลด้วย
น้ำมันเมล็ดฟักทองไม่ขัดสีอุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็น เช่น โอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและบำรุงอย่างล้ำลึก มันถูกเพิ่มเข้าไปในครีมและเจลปรับสภาพผิวอย่างล้ำลึกเพื่อให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวและป้องกันความแห้งกร้าน มันถูกเติมลงในครีมและโลชั่นต่อต้านวัยเพื่อย้อนกลับและป้องกันสัญญาณของริ้วรอยก่อนวัย มีการเติมน้ำมันเมล็ดฟักทองลงในผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม เช่น แชมพู น้ำมัน และครีมนวดผม เพื่อให้ผมยาวและแข็งแรงขึ้น ใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น โลชั่น สครับ มอยเจอร์ไรเซอร์ และเจล เพื่อเพิ่มปริมาณความชุ่มชื้น
น้ำมันเมล็ดฟักทองมีลักษณะอ่อนโยนและเหมาะสำหรับทุกสภาพผิว แม้ว่าจะมีประโยชน์เพียงอย่างเดียว แต่ส่วนใหญ่จะถูกเพิ่มเข้าไปในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวและผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น ครีม โลชั่น/โลชั่นบำรุงผิว น้ำมันต่อต้านวัย เจลป้องกันสิว สครับผิว ล้างหน้า ลิปบาล์ม ผ้าเช็ดทำความสะอาดใบหน้า ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม ฯลฯ
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดฟักทอง
ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว: อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3, 6 และ 9 หลากหลายชนิด เช่น กรดไลโนเลอิก ปาล์มมิติก และกรดโอเลอิก ซึ่งให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวอย่างล้ำลึก และทำให้ดูกระจ่างใส น้ำมันเหล่านี้สามารถเลียนแบบซีบัมของผิวหนังหรือน้ำมันธรรมชาติได้ และช่วยให้ดูดซึมได้ง่ายขึ้น เข้าถึงชั้นผิวได้ลึกและส่งเสริมสุขภาพผิว
การสูงวัยอย่างมีสุขภาพดี: น้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถช่วยชะลอสัญญาณแห่งวัยเริ่มแรกและทำให้ผิวดูมีสุขภาพดีขึ้น อุดมไปด้วยกรดไขมันจำเป็นโอเมก้า 3, 6 และ 9 ที่ช่วยปกป้องผิวไม่ให้หยาบกร้านและแตกร้าว นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยสังกะสีซึ่งเป็นที่รู้จักกันในการสร้างเซลล์ผิวและเนื้อเยื่อใหม่ น้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถฟื้นฟูเซลล์ผิวที่ตายแล้วและซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายได้ในหนึ่งเดียว ปริมาณโพแทสเซียมยังช่วยให้ผิวไม่ขาดน้ำ
ป้องกันสิว: น้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถปรับสมดุลการผลิตน้ำมันในผิว โดยทำให้ผิวชุ่มชื้นตลอดเวลา ช่วยให้สมองส่งสัญญาณว่าผิวมีความชุ่มชื้นและไม่จำเป็นต้องผลิตน้ำมันส่วนเกิน สังกะสีที่อยู่ในน้ำมันเมล็ดฟักทองยังช่วยในการต่อสู้และกำจัดสิว ซึ่งช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนกระจ่างใส
ผมแข็งแรงและเป็นเงางาม: กรดไขมันจำเป็น เช่น โอเมก้า 3,6 และ 9 ที่มีอยู่ในน้ำมันเมล็ดฟักทอง กรดไลโนเลอิก และกรดโอเลอิก สามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับหนังศีรษะ และทำให้ผมนุ่มนวลขึ้น น้ำมันเมล็ดฟักทองสามารถบำรุงหนังศีรษะ เพิ่มการเจริญเติบโตของรูขุมขนและให้โปรตีนแก่เส้นผม ส่งผลให้มีความแข็งแกร่ง เงางาม และมีชีวิตชีวา
ป้องกันผมร่วง: น้ำมันเมล็ดฟักทองอุดมไปด้วยสารอาหาร A, C และโพแทสเซียม วิตามินเอช่วยในการเสริมสร้างเซลล์และดีต่อหนังศีรษะ สารอาหาร C ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพที่ดีและพัฒนาการโดยทั่วไป และโพแทสเซียมสามารถช่วยพัฒนาเส้นผมใหม่ได้
การใช้น้ำมันเมล็ดฟักทองออร์แกนิก
ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว: น้ำมันเมล็ดฟักทองถูกเติมลงในผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เช่น มอยเจอร์ไรเซอร์ ครีมกันแดด และโฟมล้างหน้า ฯลฯ เหมาะที่สุดที่จะใช้สำหรับผิวผู้ใหญ่และผิวธรรมดา เพื่อให้ความชุ่มชื้นและความชุ่มชื้นแก่ผิว เป็นที่รู้กันว่าน้ำมันเมล็ดฟักทองส่งเสริมการหมุนเวียนของเซลล์ ประกอบด้วยกรดอัลฟ่าไฮดรอกซิลจากธรรมชาติ ซึ่งทำให้เราดูกระจ่างใสและดูอ่อนเยาว์โดยช่วยในการขัดผิวและกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ สารอาหารอื่นๆ เช่น กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน วิตามินอี และสังกะสียังทำให้เป็นทางออกที่ดีเยี่ยมสำหรับการแก่ก่อนวัย ผิวขาดน้ำ และการสร้างเซลล์ใหม่
ครีมต่อต้านวัย: ใช้ร่วมกับครีมข้ามคืน ขี้ผึ้งและโลชั่นต่อต้านวัยโดยเฉพาะ เพื่อชะลอและป้องกันริ้วรอยก่อนวัย
ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม: เติมลงในครีมนวดผม แชมพู น้ำมันผม และเจล เพื่อให้ผมแข็งแรงและยาวขึ้น น้ำมันเมล็ดฟักทองยังช่วยบำรุงหนังศีรษะอย่างล้ำลึกและป้องกันผมชี้ฟูและพันกัน สามารถเพิ่มลงในผลิตภัณฑ์สำหรับผมหยิกและหยักศกได้ สามารถใช้ก่อนอาบน้ำ เพื่อปรับสภาพเส้นผมและฟื้นฟูหนังศีรษะ
ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางและการทำสบู่: มีการเติมน้ำมันเมล็ดฟักทองลงในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง เช่น โลชั่น ครีมอาบน้ำ สครับ และสบู่ ผลิตภัณฑ์ที่สร้างขึ้นสำหรับผิวผู้ใหญ่สามารถใช้น้ำมันเมล็ดฟักทองได้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผลิตภัณฑ์ มันทำให้พวกเขามีกลิ่นบ๊องและทำให้พวกเขาชุ่มชื้นมากขึ้น
เวลาโพสต์: 26 ม.ค. 2024