น้ำมันหอมระเหยเมลิสซา หรือที่รู้จักกันในชื่อน้ำมันเลมอนบาล์ม ถูกนำมาใช้ในยาแผนโบราณเพื่อรักษาอาการป่วยต่างๆ เช่น โรคนอนไม่หลับ วิตกกังวล ไมเกรน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน เริม และภาวะสมองเสื่อม น้ำมันกลิ่นเลมอนนี้สามารถใช้ทาภายนอก รับประทาน หรือสูดดมที่บ้านได้
ประโยชน์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดประการหนึ่งของน้ำมันหอมระเหยเมลิสซาคือความสามารถในการรักษาโรคเริม หรือไวรัสเริมชนิดที่ 1 และ 2 ได้อย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะที่อาจกระตุ้นให้แบคทีเรียดื้อยาเจริญเติบโตในร่างกาย คุณสมบัติต้านไวรัสและต้านจุลชีพเป็นเพียงส่วนหนึ่งของคุณสมบัติอันทรงคุณค่าและสรรพคุณทางยาของน้ำมันหอมระเหยอันทรงคุณค่านี้
ประโยชน์ของน้ำมันหอมระเหยเมลิสสา
1. อาจช่วยบรรเทาอาการของโรคอัลไซเมอร์ได้
เมลิสซาน่าจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ได้รับการศึกษาวิจัยมากที่สุด เนื่องจากมีคุณสมบัติในการรักษาโรคอัลไซเมอร์แบบธรรมชาติ และมีแนวโน้มว่าเป็นหนึ่งในน้ำมันหอมระเหยที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันสุขภาพและผู้สูงอายุ โรงพยาบาลนิวคาสเซิลเจเนอรัล ได้ทำการทดลองแบบควบคุมด้วยยาหลอก เพื่อประเมินคุณค่าของน้ำมันหอมระเหยเมลิสซาต่ออาการกระสับกระส่ายในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมรุนแรง ซึ่งเป็นปัญหาการจัดการที่พบบ่อยและสำคัญ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่มีภาวะสมองเสื่อมรุนแรง ผู้ป่วยจำนวน 72 รายที่มีอาการกระสับกระส่ายอย่างมีนัยสำคัญทางคลินิกในภาวะสมองเสื่อมรุนแรง ได้รับการสุ่มให้เข้ากลุ่มที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยเมลิสซาหรือกลุ่มที่ได้รับยาหลอก
2. มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ
งานวิจัยแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมลิสซาสามารถใช้รักษาโรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบและอาการปวดได้ งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Advances in Pharmacological Science ในปี 2013 ได้ศึกษาคุณสมบัติต้านการอักเสบของน้ำมันหอมระเหยเมลิสซาโดยใช้อาการบวมน้ำที่อุ้งเท้าหลังที่เกิดจากการบาดเจ็บในหนูทดลอง คุณสมบัติต้านการอักเสบของน้ำมันเมลิสซาทางปากแสดงให้เห็นว่าการรับประทานน้ำมันเมลิสซาช่วยลดและยับยั้งอาการบวมน้ำ ซึ่งเป็นอาการบวมที่เกิดจากของเหลวส่วนเกินที่กักเก็บไว้ในเนื้อเยื่อของร่างกายได้อย่างมีนัยสำคัญ
ผลการศึกษาครั้งนี้และการศึกษาอื่นๆ ที่คล้ายกันชี้ให้เห็นว่าน้ำมันเมลิสสาสามารถรับประทานเข้าไปหรือทาภายนอกเพื่อลดอาการบวมและบรรเทาอาการปวดเนื่องจากฤทธิ์ต้านการอักเสบ
3. ป้องกันและรักษาการติดเชื้อ
อย่างที่พวกเราหลายคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า การใช้สารต้านจุลชีพอย่างแพร่หลายทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยา ซึ่งอาจส่งผลเสียร้ายแรงต่อประสิทธิภาพของการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะอันเนื่องมาจากการดื้อยาปฏิชีวนะนี้ งานวิจัยชี้ให้เห็นว่าการใช้ยาสมุนไพรอาจเป็นมาตรการป้องกันเพื่อป้องกันการเกิดการดื้อยาปฏิชีวนะสังเคราะห์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับความล้มเหลวในการรักษา
นักวิจัยประเมินน้ำมันเมลิสซาว่าสามารถยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรียได้ สารประกอบสำคัญที่สุดที่พบในน้ำมันเมลิสซาที่มีฤทธิ์ต้านจุลชีพ ได้แก่ ซิทรัล ซิโตรเนลลัล และทรานส์แคริโอฟิลลีน การศึกษาในปี พ.ศ. 2551 แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมลิสซามีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียในระดับที่สูงกว่าน้ำมันลาเวนเดอร์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียแกรมบวก รวมถึงเชื้อแคนดิดา
4. มีฤทธิ์ต้านเบาหวาน
การศึกษาแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมลิสสาเป็นสารลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันเบาหวานที่มีประสิทธิภาพ อาจเนื่องมาจากการดูดซึมกลูโคสและการเผาผลาญกลูโคสที่เพิ่มขึ้นในตับ ร่วมกับเนื้อเยื่อไขมันและการยับยั้งการสร้างกลูโคสใหม่ในตับ
5. ส่งเสริมสุขภาพผิว
น้ำมันเมลิสซาถูกนำมาใช้เพื่อรักษาโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง สิว และแผลเล็กๆ น้อยๆ ตามธรรมชาติ เนื่องจากมีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา จากการศึกษาที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมันเมลิสซาทาภายนอก พบว่าระยะเวลาการสมานแผลดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในกลุ่มที่ใช้น้ำมันเลมอนบาล์ม น้ำมันนี้อ่อนโยนพอที่จะทาลงบนผิวได้โดยตรง และช่วยบรรเทาอาการผิวหนังที่เกิดจากแบคทีเรียหรือเชื้อรา
6. รักษาโรคเริมและไวรัสอื่นๆ
เมลิสซามักถูกเลือกใช้เป็นสมุนไพรสำหรับรักษาโรคเริม เนื่องจากมีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับไวรัสในตระกูลไวรัสเริม สามารถใช้เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของการติดเชื้อไวรัส ซึ่งมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ดื้อยาต้านไวรัสที่ใช้กันทั่วไป
เวลาโพสต์: 9 ธ.ค. 2566