น้ำมันเมอร์ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ นักวิจัยเริ่มสนใจเมอร์เนื่องจากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระอันทรงพลังและศักยภาพในการรักษามะเร็ง นอกจากนี้ยังพบว่ามีประสิทธิภาพในการต่อสู้กับการติดเชื้อปรสิตบางชนิด เมอร์เป็นยางไม้หรือสารคล้ายยางไม้ที่ได้มาจากต้นคอมมิฟอรา เมอร์ฮา ซึ่งพบได้ทั่วไปในแอฟริกาและตะวันออกกลาง เป็นหนึ่งในน้ำมันหอมระเหยที่ใช้กันอย่างแพร่หลายที่สุดในโลก ต้นเมอร์มีความโดดเด่นด้วยดอกสีขาวและลำต้นที่มีลักษณะเป็นปม บางครั้งต้นไม้มีใบน้อยมากเนื่องจากสภาพภูมิประเทศที่แห้งแล้งในทะเลทรายที่ต้นไม้เติบโต และบางครั้งรูปร่างของต้นไม้อาจมีรูปร่างที่บิดเบี้ยวเนื่องจากสภาพอากาศและลมแรง
ประโยชน์และการใช้งาน
มดยอบสามารถช่วยรักษาสุขภาพผิวให้แข็งแรงโดยการบรรเทาอาการผิวแห้งแตกหรือแห้งกร้าน มักเติมลงในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและเพิ่มความหอม ชาวอียิปต์โบราณใช้มดยอบเพื่อป้องกันริ้วรอยและรักษาสุขภาพผิว
การบำบัดด้วยน้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นการใช้น้ำมันเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพ ถูกนำมาใช้กันมานานนับพันปี น้ำมันหอมระเหยแต่ละชนิดมีประโยชน์เฉพาะตัว และสามารถนำไปใช้เป็นทางเลือกในการบำบัดโรคภัยไข้เจ็บได้หลากหลาย โดยทั่วไปแล้ว น้ำมันหอมระเหยจะถูกสูดดม ฉีดพ่นในอากาศ นวดลงบนผิวหนัง และบางครั้งก็รับประทาน กลิ่นหอมมีความเชื่อมโยงอย่างลึกซึ้งกับอารมณ์และความทรงจำของเรา เนื่องจากตัวรับกลิ่นของเราตั้งอยู่ติดกับศูนย์อารมณ์ในสมองของเรา ซึ่งก็คืออะมิกดาลาและฮิปโปแคมปัส
ควรผสมเมอร์กับน้ำมันพาหะ เช่น น้ำมันโจโจ้บา น้ำมันอัลมอนด์ หรือน้ำมันเมล็ดองุ่น ก่อนทาลงบนผิว นอกจากนี้ยังสามารถผสมกับโลชั่นไร้กลิ่นและใช้ทาลงบนผิวได้โดยตรงอีกด้วย
น้ำมันมดยอบมีสรรพคุณทางยามากมาย เพียงหยดลงในผ้าประคบเย็นสักสองสามหยด แล้วประคบลงบนบริเวณที่ติดเชื้อหรืออักเสบโดยตรงเพื่อบรรเทาอาการ น้ำมันมดยอบมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา และช่วยลดอาการบวมและอักเสบ
น้ำมันมดยอบยังคงถูกใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเพื่อรักษาโรคต่างๆ