น้ำมันหอมระเหยการบูรเป็นกลิ่นกลางที่เข้มข้นและมีกลิ่นไม้ เป็นที่นิยมใช้ในยาทาสำหรับอาการปวดกล้ามเนื้อเป็นครั้งคราว และในส่วนผสมของน้ำมันหอมระเหยเพื่อบำรุงการหายใจให้แข็งแรง น้ำมันการบูรมีจำหน่ายในท้องตลาดภายใต้สีหรือส่วนประกอบที่แตกต่างกันสามแบบ การบูรสีน้ำตาลและสีเหลืองถือว่ามีพิษมากกว่าเนื่องจากมีปริมาณซาฟรอลสูงกว่า ผสมกับน้ำมันกระตุ้นอื่นๆ เช่น อบเชย ยูคาลิปตัส เปปเปอร์มินต์ หรือโรสแมรี่
ประโยชน์และการใช้งาน
น้ำมันหอมระเหยการบูรมีคุณสมบัติเย็นสบาย ไม่ว่าจะใช้ภายนอกหรือเพื่อความงาม บรรเทาอาการอักเสบ รอยแดง แผล แมลงสัตว์กัดต่อย อาการคัน ระคายเคือง ผื่น สิว เคล็ดขัดยอก และอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เช่น อาการปวดที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบและรูมาตอยด์ ด้วยคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา น้ำมันการบูรจึงขึ้นชื่อเรื่องการช่วยป้องกันเชื้อไวรัสติดต่อ เช่น ไวรัสที่เกี่ยวข้องกับแผลร้อนใน ไอ ไข้หวัดใหญ่ โรคหัด และอาหารเป็นพิษ เมื่อทาลงบนแผลไฟไหม้ ผื่น และรอยแผลเป็นเล็กน้อย น้ำมันการบูรจะช่วยลดเลือนรอยไหม้ หรือในบางกรณีสามารถกำจัดรอยไหม้ได้หมดจด พร้อมมอบความรู้สึกเย็นสบายให้กับผิว คุณสมบัติฝาดสมานของน้ำมันช่วยกระชับรูขุมขน ทำให้ผิวดูกระชับและกระจ่างใสขึ้น คุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียไม่เพียงแต่ช่วยกำจัดเชื้อโรคที่ก่อให้เกิดสิวเท่านั้น แต่ยังช่วยป้องกันเชื้อโรคที่เป็นอันตราย ซึ่งอาจนำไปสู่การติดเชื้อร้ายแรงเมื่อเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยขีดข่วนหรือบาดแผล
น้ำมันหอมระเหยจากการบูรที่ใช้กับเส้นผม มีคุณสมบัติช่วยลดการหลุดร่วงของเส้นผม เร่งการเจริญเติบโต ทำความสะอาดและฆ่าเชื้อบนหนังศีรษะ กำจัดเหาและป้องกันการระบาดของเหาในอนาคต และปรับปรุงเนื้อผมโดยเพิ่มความเรียบลื่นและนุ่มนวล
น้ำมันการบูรถูกนำมาใช้ในการบำบัดด้วยกลิ่นหอม มีกลิ่นหอมติดทนยาวนาน คล้ายกับกลิ่นเมนทอล ให้ความรู้สึกเย็น สะอาด ใส บางเบา สว่าง และเฉียบคม เป็นที่ทราบกันดีว่าช่วยให้หายใจได้เต็มปอดและลึกขึ้น ด้วยเหตุนี้ จึงนิยมใช้น้ำมันการบูรในการนวดประคบ เนื่องจากมีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการคัดจมูกจากระบบทางเดินหายใจ โดยการทำให้ปอดสะอาดและบรรเทาอาการของโรคหลอดลมอักเสบและปอดบวม นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ภูมิคุ้มกัน ฟื้นฟูร่างกาย และผ่อนคลาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาการทางประสาท เช่น โรควิตกกังวลและโรคฮิสทีเรีย
ข้อควรระวัง
น้ำมันนี้อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ผิวหนังได้หากเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยที่ไม่เจือจางกับดวงตาหรือเยื่อเมือก ห้ามรับประทานเว้นแต่จะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เก็บให้พ้นมือเด็ก ก่อนใช้ภายนอก ให้ทดสอบการแพ้เล็กน้อยที่บริเวณแขนด้านในหรือหลัง โดยทาน้ำมันหอมระเหยเจือจางปริมาณเล็กน้อยแล้วปิดแผล หากมีอาการระคายเคือง ให้ล้างบริเวณที่ทา หากไม่เกิดอาการระคายเคืองหลังจาก 48 ชั่วโมง ถือว่าปลอดภัยต่อผิวหนัง